เที่ยวสาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) หรือ เชค ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดสวยเยอะเลย โดยเฉพาะเมืองหลวง ปราก ถือเป็นเมืองเก่าแก่ที่โรแมนติกมากกกค่า สวยงามฟรุ้งฟริ้งสุดๆ บรรยากาศแบบล่องลอย เหมือนอยู่ในละครเลยจริงๆ >,< วันนี้หญิงปุ๊กเลยรวบรวมที่เด็ดๆ มาให้ ขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดา อะฮ้า ไม่ธรรมดาา~ ถ้าได้รู้จักแล้วจะต้องหลงรักสุดๆ อย่างแน่นอน ชนิดที่ว่าอยากจะจองตั๋วเครื่องบินไปเดี๋ยวนี้เลยล่ะค่าาา
เที่ยวปราสาทปราก และมหาวิหารเซ็นต์วิตุส Prague Castle & St. Vitus Cathedral
ปราสาทแห่งกรุงปราก สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 880 ปัจจุบันรวมๆ แล้วก็ราว…พันกว่าปีค่า อู้หูวววว เก่าแก่มากๆ ถือเป็นสมบัติทางศิลปะและวัฒนธรรม และเป็นสัญลักษณ์โบราณที่สำคัญที่สุดของสาธารณรัฐเช็กเลยค่ะ ตกแต่งด้วยศิลปะแบบโกธิค ตั้งอยู่บนเขา สวยงามจนละสายตาไม่ได้เลยจริงๆ และยูเนสโกยังได้ประกาศให้เป็นปราสาทโบราณที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนที่สุดในโลกด้วยนะคะ เพราะมีการเชื่อมโยงกันระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ไว้เยอะมาก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 7 สนามฟุตบอลแน่ะ *0*
ภายในบริเวณปราสาทมีทั้งตึกอาคาร สวน พิพิธภัณฑ์ จุดชมวิวสวยๆ บนยอดปราสาท และสิ่งก่อสร้างที่สวยงามอีกมากมายให้เดินเล่นได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อเลยค่า
และที่โดดเด่นเป็นสง่ามากก็คือ มหาวิหารเซนต์วิตัส เป็นอีกหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดในยุโรป ตกแต่งด้วยกระจกสีที่เป็นภาพเรื่องราวต่างๆ ของศาสนาคริสต์ และยังเป็นที่ฝังศพของนักบุญจอห์น นักบุญที่มีความสำคัญต่อศาสนาอีกด้วยค่ะ
ซึ่งในปัจจุบันปราสาทปรากได้ถูกใช้เป็นทำเนียบของประธานาธิบดี และพิพิธภัณฑ์ศิลปะทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมากที่สุดของกรุงปราก ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนกว่า 1.8 ล้านคนต่อปีเลยล่ะค่า
เที่ยวสะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge)
เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องเคยได้ยินชื่อของสะพานชาร์ลส์กันอย่างแน่นอนใช่ม้าา เพราะเป็นสะพานเก่าแก่สไตล์โกธิกที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกและงดงามมากกก เดิมนั้นมีชื่อว่าสะพานหิน หรือ สะพานแห่งกรุงปรากค่ะ แต่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นสะพานชาร์ลส์ เมื่อปี ค.ศ.1870 เนื่องจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่4 ทรงโปรดให้สร้างสะพานใหม่ที่ทันสมัยขึ้น โดยสร้างทอดข้ามแม่น้ำวัลตาวาเชื่อมต่อระหว่างยุโรปตะวันออกและตะวันตก มีความยาว 516 เมตร กว้าง 10 เมตร ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่สำคัญในฐานะเมืองแห่งเส้นทางการค้าขายขึ้นมานั่นเองค่า
จุดเด่นของสะพานแห่งนี้ก็คือรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญสไตล์บารอกที่ตั้งอยู่สองข้างตลอดแนวสะพานราว 30 องค์ค่ะ โดยรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดบนสะพานคือรูปปั้นของนักบุญจอห์น เนโปมุก (John Nepomuk) สร้างเมื่อปีค.ศ. 1638 ซึ่งเป็นที่นับถือกันมาก เชื่อกันว่าถ้าใครได้สัมผัสแล้ว จะได้กลับมาที่ปรากอีกครั้งค่า เอ้า ลูบกันใหญ่สิคะงานนี้ 555 >,< ปัจจุบันรูปปั้นเหล่านี้ไม่ใช่รูปปั้นต้นฉบับนะคะ เป็นงานจำลองประติมากรรมดั้งเดิม เพราะถูกภัยพิบัติต่างๆ และน้ำท่วมหลายครั้งค่ะ
บนสะพานจะมีการแสดงเปิดหมวก เล่นดนตรี ร้องเพลงให้ชมเพลินๆ ถ้าอยากจะถ่ายรูปสวยๆ คนไม่เยอะ แนะนำให้มาช่วงเช้าหรือตอนกลางคืนนะคะ ชมแสงไฟกับแม่น้ำ อบอุ่นและโรแมนติกมากกกก
และยังมีหอสะพานเมืองเก่า (Old Town Bridge Tower) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหอสะพานที่สวยที่สุดในยุโรปด้วยค่า สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์จากดาดฟ้าของหอคอยสะพานได้ ถือว่าเป็นหนึ่งในอาคารสไตล์โกธิคพลเรือนที่น่าอัศจรรย์มากที่สุดของโลก หูยยยพลาดไม่ได้แล้วววว
เที่ยวนาฬิกาดาราศาสตร์ Astronomical Clock
ที่ย่านเมืองเก่าของกรุงปรากจะมีไฮไลท์เด็ดที่สำคัญคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกค่า ได้รับการยกย่องเป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองมากว่า 600 ปี สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1410 แต่ตัวนาฬิกาหยุดทำงานบ่อยค่ะ จึงต้องซ่อมแซมส่วนกลไกหลายครั้ง ตั้งแต่ปีค.ศ. 1552 – 1560 โดยเดอะมาสเตอร์ ฮานาส (The Master Hanus) หลังจากสร้างเสร็จ คนประดิษฐ์นาฬิกาชิ้นนี้ก็ถูกควักลูกตาให้ตาบอด เพื่อที่จะไม่สามารถไปสร้างนาฬิกาแบบเดียวกันนี้ได้อีก.. (สะเทือนใจเบาๆ T.T)
ซึ่งเป็นการสร้างที่ประณีตและละเอียดที่สุดที่เคยมีการสร้างมาเลยค่ะ แถมไม่เหมือนใครในโลกอีกด้วย นอกจากสวยงามแล้วยังใช้ได้จริงในปัจจุบันอีกด้วยนะคะ ทุกๆ ชั่วโมงนาฬิกาเรือนนี้จะเหมือนมีชีวิต โดยรูปปั้นสาวกของพระเยซูคริสต์ทั้ง 12 คน จะออกมาแสดงท่าทางและการเคลื่อนไหวต่างๆ พร้อมรูปปั้นอีกมากมายที่มีความหมายถึงกิเลสต่างๆ ของมนุษย์ เช่น Vanity เป็นตุ๊กตาที่ถือกระจกส่องหน้า แทนความลุ่มหลง, Greedy ตุ๊กตานายทุนเงินกู้ แทนความละโมภ, Lust ตุ๊กตาที่เชิดหน้าขึ้นลงได้ คล้ายๆ คนบ้าบุ่มบ่าม มุทะลุ แทนตัณหา ราคะ, Death ตุ๊กตาโครงกระดูก แทนความตายและความมืดบอดทางปัญญา เป็นต้นค่ะ
นอกจากบอกเวลาแล้ว นาฬิกาเรือนนี้ยังสามารถบอกรายละเอียดอื่นๆ ได้อีกมากมาย ที่ขอบอกว่าล้ำมากกก ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งการโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ปฎิทินวัน เดือน ปีต่างๆ ราศีทั้ง 12 ราศี ดวงดาวในปัจจุบัน พร้อมกับแสดงฤดูเก็บเกี่ยวต่างๆ
โดยก่อนที่นาฬิกาจะแสดงการบอกเวลาทุกๆ ชั่วโมง ผู้คนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกก็จะรวมตัวกันตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 ถึง 21:00 น. เพื่อชมนาฬิกาดาราศาสตร์แห่งนี้ค่ะ
และยังขึ้นไปบนหอนาฬิกาใน Old Town Hall เพื่อชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงปรากได้อีกด้วย จะเห็นทั้งเมืองเก่า แม่น้ำ Vltava เนินเขาที่สวยงาม และปราสาทกรุง โดยจะต้องเสียค่าเข้านิดหน่อย แต่บอกเลยว่าคุ้มมมจ้า
เที่ยวเชสกี้ ครุมลอฟ Cesky Krumlov
เชสกี้ ครุมลอฟ เมืองโบราณเล็กๆ ที่ใครมาสัมผัสก็ต้องหลงร๊ากกกก เป็นเมืองมรดกโลกที่โด่งดัง น่ารักฟรุ้งฟริ้งและโรแมนติกสุดๆ โอบล้อมด้วยแม่น้ำ Vltava ที่โค้งไปตามเนินเขาเหมือนรูปตัว S ทำให้ภูมิทัศน์ของตัวเมืองเหมือนกับหยดน้ำที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาจากขั้วนั่นเองค่ะ โอ้วววววว แค่รูปแบบลักษณะของเมืองก็สุดยอดแว้ววว >,<
และฟินต่อกับการเดินเล่น ดื่มด่ำบรรยากาศทั่วเมือง รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปสู่ยุคอดีตอย่างไงอย่างนั้นเลยค่า อาคารบ้านเรือนยังคงรักษาศิลปะวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ โดดเด่นด้วยหลังคาสีส้มแดงสุดคลาสสิค ถ้ามองจากมุมสูงคือสวยมากกก เมืองอะไรก็ไม่รู้มีเสน่ห์ฝุดๆ สวยตั้งแต่ผนังยันประตู ถ่ายรูปออกมาไม่ว่าจะมุมไหนก็เลิศ แค่ได้เดินเล่นในเมืองก็มีความสุขแล้วค่าพูดเลย 5555
เดินมาหิวๆ ก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ ผับ และร้านค้าให้เลือกมากมาย โดยสินค้าชื่อดังของที่นี่คืออัญมณี โดยเฉพาะพลอยแดงหรือโกเมนของโบฮีเมียค่ะ ซึ่งถือเป็นสินค้าเอกลักษณ์ของเมืองเลยก็ว่าได้ ซื้อไปเป็นของฝากรับรองว่าถูกใจคนรับแน่นอนนน อิอิ
ต่อมาที่เห็นตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขาคือ ปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟค่า เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากปราสาทกรุงปราก และยังคงคอนเซปสีหวานๆ น่ารักๆ ไว้เหมือนเดิม สวยงามอย่างกับปราสาทเจ้าหญิงในนิยายแน่ะ ข้างๆ มีหอคอยสีสันสดใส ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเฟรสโกหรือภาพปูนเปียกที่เน้นการเล่นลาย ขนาดผ่านมาหลายร้อยปีแล้วแต่ลวดลายและสีสันยังคงความงดงามไว้ไม่เปลี่ยนเลยนะคะเนี่ย
ปราสาทสามารถชมได้ฟรี แต่ถ้าจะเข้าไปชมด้านในต้องซื้อทัวร์ค่า ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ราคา 100 CZK, เด็กราคา 50 CZK และยังสามารถขึ้นไปชมวิวสวยๆ แบบ 360 องศาบนหอคอยได้ โดยผู้ใหญ่ราคา 50 CZK, เด็กราคา 30 CZK เปิดให้เข้าชมทุกวัน แต่ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. และ พ.ย.-ธ.ค. จะปิดทุกวันจันทร์ค่ะ
เที่ยวสถาปัตยกรรมสุดวิจิตร ที่ Brno’s Cathedral of St. Peter and Paul
เมื่อมาถึงเมืองเบอร์โน จะเห็น Brno’s Cathedral of St. Peter and Paul ที่เป็นทั้งโบสถ์และอนุเสาวรีย์แห่งชาติ ตั้งอยู่บนเนินเขา สวยงามโดดเด่นมาแต่ไกลเลยค่า ล้อมรอบด้วยสวนอันร่มรื่นและเงียบสงบ ไว้สำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ถือเป็นโบสถ์ประจำเมืองและยังเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมของแคว้น South Moravia ที่สำคัญที่สุดอีกด้วยค่ะ
ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 โดยสถาปนิกชื่อ August Kirstein เป็นการตกแต่งตามแนวฟื้นฟูโกธิค ด้านนอกว่าอลังการแล้ว เดินเข้ามาด้านในนี่รู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเลยค่ะ *0* สวยงามสะกดสายตามากๆ ผนังสีขาว ประดับด้วยภาพวาดและรูปปั้นที่สวยงามมากมาย มีห้องใต้ดินที่เปิดให้เดินชมประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ และประติมากรรมต่างๆ ทางศาสนา โดยจะมีการจัดนิทรรศการ การแสดงบรรยายขึ้นเป็นครั้งคราวค่ะ หรือจะขึ้นไปชมวิวแจ่มๆ ของเมืองเบอร์โน บนหอคอยที่มีความสูงถึง 84 ก็ได้นะค้า แต่ต้องเสียค่าเข้านิดหน่อย
สำหรับคนที่นับถือศาสนาคริสต์ สามารถมาเข้ามิสซาที่นี่ได้โดยจะมีพิธีทุกวัน เริ่มตั้งแต่ 7 โมงครึ่งเป็นต้นไปค่ะ และถ้าเดินผ่านโบสถ์ในตอน 11 โมง จะได้ยินเสียงระฆังดังอีกด้วย สงสัยไหมคะว่า ทำไมถึงดังตอน 11 โมงแทนที่จะเป็นตอนเที่ยงวัน? ก็เพราะว่า ในช่วงสงคราม 30 ปี เมืองเบอร์โนได้ถูกทหารสวีเดนล้อมไว้ และเมื่อไหร่ที่โจมตีเมืองเบอร์โนได้สำเร็จ ทหารจะประกาศโดยการลั่นระฆังในตอนเที่ยงตรง โดยระหว่างการต่อสู้ ผู้คนในเมืองจึงตั้งระฆังให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง เพื่อหลอกทหารสวีเดนหยุดให้โจมตี และถอยทัพกลับไปมือเปล่านั่นเองค่า
อาบบ่อน้ำพุร้อนแบบฟินๆ ที่ Karlovy Vary
ใครที่รักการแช่น้ำพุร้อน เชิญทางนี้เลยจ้าาา~ Karlovy Vary เมืองสปาน้ำพุร้อนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแคว้น Bohemia ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1350 โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่4 กษัตริย์ผู้ปกครองเช็ก โดยคำว่า Karl มาจากภาษาอังกฤษคือ Charles ซึ่งเป็นชื่อของพระเจ้าชาร์ลส์ที่4 และ Vary ที่แปลว่าบ่อน้ำร้อน รวมกันแปลว่า บ่อน้ำพุร้อนของคาร์ล นั่นเองค่า
ปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองสปามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีบ่อน้ำแร่ น้ำพุร้อนเยอะมากกกกหลายร้อยบ่อเลยล่ะค่ะ แต่มีเพียง 13 บ่อที่ใช้ดื่มกิน ส่วนบ่อที่เหลือใช้ในธุรกิจสปาเพื่อความงาม และที่สำคัญใช้ในการบำบัดรักษาโรคต่างๆ ได้อีกด้วยย *0* ทั้งในเรื่องระบบย่อยอาหาร ความผิดปกติในการเผาผลาญของร่างกาย และโรคที่สามารถเชื่อมโยงต่อการเกิดมะเร็ง อู้หูววว สุดยอดไปเลยย
ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมมากันเป็นอันดับ 2 ของเช็กเลยนะคะ ใครได้มาสัมผัสก็ต้องติดใจกันทุกราย เพราะเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์น่าหลงไหลและสวยงามสุดๆ บรรยากาศดี๊ดี เงียบสงบ ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ สดชื่นมากกกก
และยังมีร้านค้า โรงแรม สถาปัตยกรรมต่างๆ อีกมากมาย อาคารบ้านเรือนสีลูกกวาด สดใสน่ารักอย่างกับบ้านตุ๊กตาแน่ะ >,< เรียกว่าเป็นเมืองรีสอร์ทยอดฮิตที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ค่ะ และยังมีเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ (Karlovy Vary International Film Festival) หนึ่งในเทศกาลเก่าแก่ที่สุดของโลก ที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปีอีกด้วยค่า
เที่ยวห้องสมุด The Clementinum และ Strahov Monastery
เมื่อมาถึงกรุงปรากแล้วมองขึ้นไปบนเนินเขาสูง จะเห็นอารามอันเก่าแก่ตั้งตะหง่านอยู่ มีชื่อว่า Strahov Monastery ค่า เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดอันดับสองของกรุงปราก ก่อตั้งขึ้นในปี 1143 แต่ได้มีการสร้างและซ่อมแซมหลายต่อหลายครั้ง เพราะได้รับความเสียหายจากการบุกของศัตรูค่ะ
และเมื่อเราขึ้นไปบนอาราม จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพสวยๆ ของเมืองได้แบบพาโนราม่ากันเลยทีเดียว ถือเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของกรุงปรากเลยนะคะ ปัจจุบันภายในวิหารใช้สำหรับการจัดนิทรรศการ หอศิลป์ และจัดแสดงงานศิลปะต่างๆ ยังค่ะ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้านในยังมีห้องสมุด ที่ได้ชื่อว่าเป็นห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลกกกกอีกด้วยค่าาา! แอร้ยยย
The Clementinum ห้องสมุดหรือหอสมุดแห่งชาติ ที่มีความใหญ่โตอลังการมากกก สวยงามสมกับตำแหน่งที่ได้จริงๆ >,< และยังได้รับรางวัลแห่งความทรงจำของโลกจากองค์กรยูเนสโก้ ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าของโลกเลยค่า
โดยห้องสมุดแห่งนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบบารอค จิตรกรรมบนฝาผนังที่ไล่ตั้งแต่พื้นไปถึงเพดานนั้นเก็บรายละเอียดได้สวยงามและปราณีตมากๆ การจัดวางหนังสือมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย บรรยากาศก็ดี และหนอนหนังสือจะต้องกรี๊ดดดสลบ เพราะที่นี่มีหนังสือกว่า 2แสนเล่ม! เรียกได้ว่าสามารถมานั่งอ่านกันได้เป็นปีๆ เลยล่ะค่า รวมหนังสือต้นฉบับ 3,000 เล่ม และหนังสือที่ตีพิมพ์ในยุคแรกๆ อีก 1,500 เล่ม ทุกเล่มนั้นถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี มีหนังสือวรรณกรรมเก่าแก่ที่หายากและที่เป็นสมบัติทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย บางส่วนยังถูกมอบหมายให้ทาง Google สแกนไปเก็บเอาไว้เป็น Google Book อีกด้วยค่า
เที่ยวปราสาท Karlstejn Castle
ปลุกความเป็นเจ้าหญิงในตัวคุณ! แล้วมาสัมผัสกับปราสาทที่จะทำให้รู้สึกราวกับอยู่ในเทพนิยายกันค่าาา >,< Karlstejn Castle ปราสาทที่ผสมผสานทั้งแบบกอธิคและเรเนสซองค์ ที่มีโครงสร้างสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งอยู่บนเนินเขา โดยไล่ระดับจากต่ำไปหาสูง มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ยิ่งใหญ่และมีเสน่ห์มากๆ เป็นปราสาทที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาชมเยอะที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศอีกด้วยค่า
ก่อตั้งขึ้นในปี 1348 โดยจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 4 แต่เดิมถูกใช้เป็นที่เก็บรักษาพระราชสมบัติของเหล่าจักรพรรดิและกษัตริย์แห่งอาณาจักรโรมัน ทั้งเครื่องแต่งกาย มงกุฏเพชร อัญมณี เพชรนิลจินตาต่างๆ และยังเป็นที่เก็บของเอกสารของรัฐด้วยค่ะ
ภายในปราสาทตกแต่งไว้หรูหรามากกก ศิลปะโบราณและจิตรกรรมฝาผนังก็สวยงาม เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมาย อ้อ..แล้วอย่าลืมเข้าไปชมแบบจำลองมงกุฎในพิธีราชาภิเษกของเช็กในห้องสมบัตินะคะ สวยมากๆ >,<
เดินชมภายในเพลินๆ เสร็จแล้วก็ยังสามารถขึ้นไปชมวิวบนหอคอยของปราสาท ที่มีความสูงถึง 60 เมตรได้ด้วยค่ะ เมื่อมองลงมาจะเห็นทิวทัศน์มุมกว้างที่ปกคลุมไปด้วยป่าสีเขียวและไร่องุ่น เแม่น้ำ Berounka กำลังไหลผ่านหมู่บ้านสีสันน่ารักๆ ที่อยู่ด้านล่าง เป็นวิวที่น่าทึ่งสุดๆ เล้ยยย
ถึงปราสาทจะอยู่บนเนินเขาสูง เดินขึ้นไปอาจจะหอบนิดหน่อย แต่ก็คุ้มนะคะ 555 เพราะสวยงามมากจริงๆ แถมระหว่างทางที่เดินขึ้นไปไม่น่าเบื่อเลย เพราะข้างถนนจะเต็มไปด้วย โรงแรม คาเฟ่ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนม และร้านของที่ระลึกมากมาย เหนื่อยก็แวะเติมพลัง ระหว่างทางก็ยังได้ชมทัศนียภาพอันงดงามและมีมุมดีๆ ให้ถ่ายรูปกันเพลินๆ อีกด้วยค่า
โดยจะเปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ยกเว้นเดือนพฤศจิกายน ตั้งแต่ 9 โมงเข้า – 6 โมงเย็นแล้วแต่ช่วงค่ะ
เที่ยวอนุสาวรีย์ Holy Trinity Column, Olomouc
อีกสถานที่ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาดเลยก็คือ อนุเสาวรีย์ Holy Trinity Column ค่า เป็นอนุเสาวรีย์อันศักดิ์สิทธิ์ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง Olomouc หนึ่งในเมืองอันเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์เลื่องลือมากๆ รองจากกรุงปรากค่ะ
สร้างขึ้นเพื่อจัดงานฉลองพิธีต่างๆ ของศาสนาคริสต์ และเพื่อแสดงถึงความความศรัทธา เทิดทูนต่อพระแม่มารีอาและพระผู้เป็นเจ้า ที่ช่วยปกป้องรักษาเมืองและชาวเชกให้รอดพ้นจากโรคระบาดอย่างหนักในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 นั่นเองค่ะ
ถือเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของชาวเชกมานานกว่า 300 ปี และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักชาติและความสามัคคีของชาวเมืองอีกด้วยค่ะ เพราะทุกคนร่วมมือร่วมใจกันสร้างอนุเสาวรีย์นี้ขึ้นมาด้วยแรงศรัทธา ทั้งวิศวกร ประติมากร ศิลปิน ช่างแกะสลัก ช่างฝีมือ ประชาชน รวมถึงนักบุญ ได้ช่วยกันโดยไม่ได้รับค่าจ้างวานเลยนะคะ มาด้วยใจล้วนๆ และงบที่ใช้ก็มาจากเงินบริจาคของประชาชนทั้งหมด โดยสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1716 – 1754 รวมระยะเวลานานถึง 38 ปีเลยทีเดียวค่า
อนุเสาวรีย์แห่งนี้มีความสูงถึง 35 เมตร เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค สร้างจากหินอ่อนคาร์รารา ประดับด้วยสำริดเคลือบทองคำ รายละเอียดปราณีตและงดงามมากกกก ถือเป็นศิลปะสไตล์บาร็อคที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และโดดเด่นที่สุดในแถบยุโรปกลาง จนองค์กรยูเนสโก้ยังยกให้เป็นมรดกโลกในปี 2000 อีกด้วยค่า
เที่ยวจตุรัส Premysla Otakara II Square, Ceske Budejovice
ใครที่กำลังมองหาสถานที่เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจแบบง่ายๆ ชิลๆ ไม่จอแจ ลองมาที่จตุรัส Premysla Otakara II ดูนะค้าา เป็นจตุรัสกลางเมืองที่สวยมาก เรียงรายด้วยอาคารสไตล์บาร็อคสีพาสเทลน่ารักๆ และถนนหนทางตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วยค่ะ ตรงกลางประดับด้วยน้ำพุแซมซั่น (Samson’s Fountain) ที่ทำจากหิน มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 17 เมตร สามารถเดินเล่นได้รอบจตุรัส ถ่ายรูปสวยๆ ได้ทั้งกลางวันกลางคืน และยังมีร้านค้ามากมายให้เลือกช็อปปิ้งกันเพลินๆ อีกด้วยค่า
จัตุรัสแห่งนี้อยู่ที่เมือง Ceske Budejovice เป็นเมืองท่องเที่ยวเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นโบฮีเมียใต้ (South Bohemia) มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่น้อยไปกว่ากรุงปราก และ เมืองเชสกี้ ครุมลอฟเลยค่ะ มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เป็นการผสมผสานกันระหว่างศิลปะแบบโกธิค เรเนสซองส์ และบาร็อคได้อย่างลงตัวและงดงามสุดๆ เป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และยังเป็นเมืองต้นกำเนิดของเบียร์ชื่อดังในยุโรป คือ Budweiser ด้วยค่า